กินเจ อิ่มบุญ อิ่มสุขภาพ

บอร์ด พูดคุยเรื่องสุขภาพ
ตอบกลับโพส
สมุนไพรใกล้ตัว
Sr. Member
Sr. Member
โพสต์: 377
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 26, 2009 11:17 am

กินเจ อิ่มบุญ อิ่มสุขภาพ

โพสต์ โดย สมุนไพรใกล้ตัว »

กินเจ อิ่มบุญ อิ่มสุขภาพ

ในช่วงหลายปีมานี้ในเทศกาลกินเจจะมีอาหารเจหลากหลายรูปแบบทำขายอย่างแพร่หลาย สามารถหาซื้อได้ง่าย สอดคล้องกับมีผู้คนจำนวนมากสนใจหันมาร่วมถือศีล กินเจมากขึ้น สำหรับผู้รักสุขภาพทั้งหลายอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า อาหารเจจะให้สารอาหารครบถ้วนหรือไม่ และหากกินเจต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารหรือไม่
รูปภาพ
          อาหารเจมีลักษณะคล้ายกับอาหารมังสวิรัติ คือ ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ จะต่างกันตรงที่อาหารเจจะมีข้อห้ามการใช้ส่วนประกอบประเภทผักที่มีกลิ่นฉุน บางชนิดด้วย สารอาหารต่างๆที่เราได้รับจากการกินเจมาจากอาหารประเภทข้าว/แป้ง ถั่วต่างๆ ผัก ผลไม้ และไขมัน เมื่อเรากินผัก ผลไม้เพิ่มขึ้นและหลากหลายขึ้น นอกจากจะได้รับใยอาหารเพิ่มขึ้นช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก ริดสีดวงทวาร มะเร็งลำไส้ เรายังได้รับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ครบถ้วนมากขึ้น ได้สารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี ซึ่งช่วยให้การทำงานของร่างกายให้ดีขึ้น

          อย่างไรก็ตามยังมีวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารบางชนิดที่พบแต่เฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้น  หรือแม้พบในพืชผักก็อยู่ในรูปที่ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีนัก เช่น วิตามินบี 12 ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ  ในผู้ใหญ่ต้องการวิตามินบี 12 เป็นปริมาณน้อยเพียง 2-4 ไมโครกรัมต่อวัน  ร่างกายเราสามารถเก็บวิตามินบี 12 ไว้ใช้ได้นาน 3-5 ปี ดังนั้นจึงไม่ค่อยพบภาวะขาดวิตามินบี 12 ในคนทั่วไป แต่เนื่องจากวิตามินบี 12 พบเฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้น  ในผู้ที่กินเจหรือมังสวิรัติเป็นเวลานานจึงมีโอกาสขาดวิตามินบี 12 ได้

          ธาตุเหล็ก  เป็นแร่ธาตุที่พบทั้งในพืชและสัตว์  ร่างกายของเราต้องการธาตุเหล็กเพียงวันละ 1.5 มิลลิกรัม แต่ธาตุเหล็กที่เรากินเข้าไปจะดูดซึมได้เพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ตามข้อกำหนดปริมาณสารอาหารที่คนไทยควรบริโภคต่อวันจึงกำหนดว่าเราควรได้รับธาตุเหล็กวันละ 15 มิลลิกรัม ธาตุเหล็กที่อยู่ในเนื้อสัตว์อยู่ในรูปแบบที่ดูดซึมได้ดีกว่าธาตุเหล็กที่อยู่ในพืชมากกว่า 2 เท่า แต่ธาตุเหล็กที่อยู่ในพืชจะดูดซึมได้ดีขึ้นหากเรากินอาหารที่มีธาตุเหล็ก ร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง ดังนั้นในผู้ที่กินเจหรือมังสวิรัตินานๆ จะป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ โดยเลือกกินผักใบเขียวเข้มซึ่งมีธาตุเหล็กอยู่สูงเป็นประจำควบคู่กับการกิน ผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง เป็นต้น

โปรตีน เป็นสารอาหารที่อยู่ในโครงสร้างของร่างกาย ร่างกายเรามีโปรตีนอยู่ประมาณร้อยละ 18 ของน้ำหนักตัว เราต้องการโปรตีนเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย โปรตีนมีหน่วยย่อยเป็นกรดอะมิโน ซึ่งมีทั้งหมด 20 ชนิด ในจำนวนนี้มี 9 ชนิดที่จัดว่าเป็นกรดอะมิโนจำเป็นเนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เนื้อสัตว์จัดเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี เนื่องจากมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ขณะที่โปรตีนจากพืชจัดว่ามีคุณภาพต่ำ เนื่องจากอาจขาดกรดอะมิโนจำเป็นตั้งแต่หนึ่งถึงหลายชนิดไป ในผู้ที่ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ จะได้รับโปรตีนจากพืชเท่านั้นจึงต้องใส่ใจเลือกพืชผักให้หลากหลาย เนื่องจากพืชผักต่างชนิดจะขาดกรดอะมิโนจำเป็นต่างชนิดกันไป การกินพืชผักให้หลากหลายจึงทำให้เราได้รับกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิดร่างกายจะสามารถทำงานได้ตามปกติ

          อย่างไรก็ตามร่างกายเรามีความสามารถในการเก็บสารอาหารต่างๆ เพื่อนำออกมาใช้ในยามจำเป็น ดังนั้นการกินเจในช่วงระยะเวลาสั้นเพียง 10 วัน ไม่สร้างปัญหาการขาดสารอาหารแต่อย่างใด แต่ในผู้ที่กินเจเป็นเวลานานควรใส่ใจเลือกชนิดอาหารให้หลากหลายเพื่อให้ได้ สารอาหารครบถ้วนและอาจจำเป็นต้องเสริมวิตามินบี 12 ด้วย

เรามาดูกันต่อว่าจะกินเจอย่างไรให้อิ่มทั้งบุญ และอิ่มสุขภาพเราได้อิ่มบุญ คือ ได้ถือศีลทำจิตใจให้บริสุทธิ์ควบคู่ไปกับการกินเจ ซึ่งเป็นการทำบุญไม่เบียดเบียนสัตว์ ส่วนการอิ่มสุขภาพนั้น การงดเว้นเนื้อสัตว์ ไขมันจากสัตว์ให้ประโยชน์ทางสุขภาพกับเราแล้วส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกของแต่ละคน อาหารเจที่วางขายทั่วไปมีหลายชนิด บางชนิดมีส่วนผสมของแป้งและไขมันเป็นหลัก เช่น หมี่ผัด ก๋วยเตี๋ยวหรือกับข้าวที่ใช้เนื้อสัตว์เทียมที่ทำจากแป้งหมี่กึง ขนมประเภทปอเปี๊ยะทอด ข้าวโพด เผือก หรือไชเท้าทอด โดยที่อาหารประเภทแป้งเมื่อทอดจะอมน้ำมันมากอยู่แล้วแต่ในการกินขนมยังมีน้ำ จิ้มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและถั่วลิสงซึ่งเป็นถั่วที่มีไขมันสูงเพิ่มเข้าไปอีก

          นอกจากนี้การกินแต่แป้งซึ่งย่อยง่ายจะทำให้เราหิวบ่อยขึ้นจึงต้องกินหลายมื้อขึ้น หากเราเลือกกินแต่อาหารเหล่านี้ตลอดเทศกาลกินเจคงไม่เป็นผลดีกับสุขภาพแน่ นอนและยังทำให้น้ำหนักตัวขึ้นได้เนื่องจากเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่หากเลือกกินอาหารที่มีส่วนผสมหลักเป็นผัก เต้าหู้ หรือ โปรตีนเกษตร ซึ่งปรุงโดยใช้น้ำมันปริมาณน้อยหรือไม่ใช้น้ำมัน

          หลีกเลี่ยงการใช้กะทิ และเลือกผลไม้เป็นอาหารว่างแทนอาหารว่างให้พลังงานสูงอื่นๆ เทศกาลกินเจปีนี้เราคงได้อิ่มบุญและอิ่มสุขภาพถ้วนหน้า

ที่มา  : http://www.vcharkarn.com/
jokerzero
Newbie
Newbie
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 15, 2010 9:16 pm

Re: กินเจ อิ่มบุญ อิ่มสุขภาพ

โพสต์ โดย jokerzero »

เลือกของว่างให้ดีต่อสุขภาพ

รูปภาพ


ทำงานจนหัวหมุนก็ต้อง เติมพลังงานกันบ้าง แต่ร่างกายคนเราก็เหมือนกับรถ ถ้าเติมน้ำมันผิดประเภท เครื่องยนต์ก็จะใช้การไม่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องเลือกให้ดีว่าจะเติมน้ำมันชีวิตอย่างไรค่ะ!

1.ของว่างกับของหวานต่างกันนะ

ของว่างควรจะมาพร้อมกับคุณค่าทางโภชนาการหลากหลาย ทำให้รู้สึกหนักท้องและให้พลังงาน เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงบ่าย ส่วนของหวานก็คือของหวาน (เช่น โอรีโอ ช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด ฯลฯ) ของเหล่านี้มักจะทำให้คุณมีความสุข อย่าตัดมันออกไปทั้งหมด เก็บไว้กินในโอกาสพิเศษหรือกำหนดไปเลยว่า ฉันจะกินของหวานเฉพาะวันศุกร์เท่านั้น

2.พอแล้วกับกาเฟอีน

หากรู้ตัวว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดกาเฟอีน จนถึงขนาดถ้าไม่ได้ดื่มแล้วจะปวดศีรษะ คุณสามารถค่อย ๆ เลิกได้ด้วยการบันทึกว่าคุณกินอะไรเข้าไปบ้างในช่วง 2-3 วัน ดูว่า กาเฟอีนมาจากไหน (ชา กาแฟ และน้ำอัดลม มักจะเป็นสาเหตุสำคัญ) และทุก 2-3 วันให้ลดปริมาณลง 10% ซึ่งถ้าคุณดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน ให้ลองสลับกาแฟปกติกับดีแคฟและค่อย ๆ ลดปริมาณกาแฟปกติ

3.ไม่ใช่ข้าวกลางวัน...แทนกันไม่ได้

ชาวออฟฟิศทั้งหลายต้องเข้าใจว่าของว่างไม่ใช่ตัว แทนมื้อหลัก ถ้าไม่อยากซื้อมาเก็บไว้ให้เปลืองเงินก็ลองทำข้าวเย็นเยอะ ๆ แล้วแบ่งเก็บไว้กินในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่คุณจะได้แน่ใจว่า มื้อกลางวันของคุณมีคุณค่าทางโภชนาการ และอิ่มท้องพอที่คุณจะไม่หยิบของจุกจิกมากินต่อ

4.เลือกอาหารเคี้ยวเพลิน

เราไม่ได้หมายถึงมันฝรั่งทอด หรือเกี๊ยวกรอบ แต่เราพูดถึงของมีประโยชน์อย่าง แอปเปิ้ล แหล่งไฟเบอร์ชั้นดีซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอล สาลี่ ซึ่งอุดมด้วยวิตามินอี แคลเซียมและน้ำตาล ไม่มีไขมัน แก้ร้อนใน และท้องผูกได้ แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะ ชมพู่ มีวิตามินซี เอ ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมอยู่มาก ดับกระหายดีนัก ฯลฯ

นอกจากนี้ ตามตลาดนัดมักจะมีถั่วลิสงมาเร่ขาย ลองซื้อมากินเล่นจะพบว่าได้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมากมาย...

5.อย่ากินซีเรียลที่เปลี่ยนสีผมได้

ของว่างชนิดนี้ดูไม่มีพิษภัย เพราะข้างกล่องมักจะมีรายการสารอาหารยาวเหยียด แต่ซีเรียล ที่ทำให้สีผมเปลี่ยนไปจะผ่านกระบวนการมานับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตแปรรูปและสารเคมีปรุงแต่งมากมาย

6.บอกลาส่วนผสมมากมายและที่ไม่รู้จัก

หากพลิกดูฉลากบรรจุภัณฑ์แล้วพบส่วนผสมมากมาย หรือมีแต่ส่วนผสมที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อ เช่น Ethoxylated Diglycerides, Xanthan Gum, Calcium Propionate ฯลฯ (อะไรกันเนี่ย!) เก็บกลับไปที่ชั้นเถอะ สารเคมีเหล่านี้ได้รับการผลิตมา เพื่อให้อาหารมีอายุนานขึ้น ดูสดใหม่อยู่ตลอดเวลา และดูน่ากินกว่าความเป็นจริงอีกด้วย อนึ่ง สารเคมีหลายชนิด อาจไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่มีหลายชนิดที่เราพึ่งเริ่มกินไม่นานมานี้ หลีกเลี่ยงเสียจะดีกว่านะคะ

7.กินแต่ของที่เน่าได้

ยิ่งอาหารที่กินนั้นผ่านกระบวนการมามากเท่าใด มันก็มักจะมีอายุขัยนาแต่คุณค่าต่ำมากเท่านั้น ซึ่ง อาหารที่แท้จริงนั้น มีชีวิต สักวันหนึ่งมันก็ต้องเน่าเสียไป (ยกเว้นน้ำผึ้ง ถ้าหากเก็บให้มิดชิด พ้นจากแสงแดดและความร้อน อาจอยู่ได้เป็นศตวรรษเลยทีเดียว)

8.เลือกของที่ผ่านการย่อยมาแล้ว

อาหารเหล่านี้จะย่อยง่าย เช่น โยเกิร์ต ซึ่งผ่านการย่อยจากจุลินทรีย์ต่าง ๆ มาแล้ว ช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่มีประโยชน์ภายในลำไส้ หรือ น้ำผึ้ง ยาขนานเอกที่มีสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินเอ บี2 บี6 ซี อี ดี เค โปรตีน เกลือแร่ น้ำตาลกลูโคส ฟรักดตส และซูโครส ราดลงบนขนมปัง โฮลวีต แล้วจะรู้ว่า หวานเป็นยา เหมือนกันนะ

9.นาน ๆ ครั้งก็แหกกฎบ้าง

หากยึดถือกฎเรื่องอาหารมากเกินไป คุณจะไม่มีความสุข (ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้) ในโอกาสพิเศษ คุณก็ต้องอยากจะโยน ระเบียบวิธีในการกินให้มีสุขภาพดี ทิ้งไป ไม่ เป็นไรค่ะ เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่การกินอาหารในโอกาสพิเศษ แต่เป็นเรื่องของชีวิตประจำวันต่างหาก ถ้าเราไม่เดินทางสายกลางก็อาจจะตกไหล่ทางได้นะ


สนับสนุนเนื้อหา  รูปภาพ

คำที่เกี่ยวข้อง  :  สุขภาพ  อาหาร  ของว่าง  อาหารเพื่อสุขภาพ  อาหารว่าง 
ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง