สมัยอาณาจักรน่านเจ้า
จากการสืบค้นความเป็นมาของมวยสมัยอาณาจักรน่านเจ้า เมื่อ พ.ศ. 1291 พระเจ้าพีล่อโก๊ะได้รวบรวมอาณาจักรไทยขึ้น เรียกว่าอาณาจักรน่านเจ้า สมัยนี้ต้องทำสงครามกับจีนอยู่เป็นเวลานาน บางครั้งก็เป็นมิตร บางครั้งก็เป็นศัตรูกัน
สมัยอาณาจักรน่านเจ้ามีการฝึกใช้อาวุธบนหลังม้า เช่น หอก ง้าว และการต่อสู้ด้วยมือเปล่าก็มีอยู่บ้าง เพื่อใช้ต่อสู้ในระยะประชิดตัว ซึ่งมวยไทยก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นอยู่ด้วย ในสมัยอาณาจักรน่านเจ้า ได้มีวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวและมีวิชาเจิง(การต่อสู้ชนิดหนึ่งคล้ายๆ มวยจีนเกิดขึ้น)กล่าวคือ การฟ้อนเจิง เป็นการร่ายรำตามกระบวนท่าตามแบบแผนที่แสดงออกถึงศิลปะในการต่อสู้ของชาย ซึ่งท่ารำนั้นมีทั้งท่าหลักและท่าที่ผู้รำแต่ละคนคิดขึ้น ฟ้อนเจิงหมายรวมเอาทั้งการฟ้อนประกอบอาวุธและไม่มีอาวุธโดยเรียกลักษณะการฟ้อนตามนั้น
การเรียนเจิงในอดีตนั้น ผู้ที่จะเรียนต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบจากครูผู้สอนเสียก่อนจึงจะเรียนเจิงกับครูนั้นๆ ได้ เช่น ให้นำไก่มาคนละตัว แล้วเอามีดเชือดคอไก่ หากไก่ของใครตายในวงกลมที่ขีดไว้ก็จะได้เรียนแต่หากไก่ของใครไปตายนอกเส้นที่ขีดไว้ ครูก็จะไม่สอนให้เพราะถือว่าผีครูไม่อนุญาต หรือครูบางคนอาจจะมอบดาบให้คนละเล่มแล้วพาเดินฝ่าดงหญ้าครูก็จะคอยสังเกตดูอุปนิสัยของแต่ละคน แล้วนำมาพิจารณาว่าควรจะสอนวิชาให้หรือไม่(เพื่อพิสูจน์ความอดทน) “ก่อนจะเรียนเจิงจะต้องทำพิธีตั้งขันครูโดยมีเครื่องประกอบในขันครูแตกต่างกันไปในแต่ละครู เมื่อตั้งขันครูแล้วจึงเริ่มเรียนได้” การเริ่มต้นเรียนเจิงนั้นมักจะเริ่มโดยการฝึกยำขุมซึ่งมีตั้งแต่ขุม 3 ไปจนถึงขุม 32 การฝึกยำขุมก็คือ การฝึกแผนผังการเดินเท้าให้คล่องแคล่วสามารถใช้งานในการต่อสู้ป้องกันตัวทั้งรุกและรับได้อย่างฉับไวจากนั้นจึงจะสอนลีลาของมือให้แม่ท่าการฟ้อนหรือที่เรียกว่าแม่ลายฟ้อนนั้น สามารถ แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ
1. ชื่อแม่ลายฟ้อน แต่ละท่าไม่เกี่ยวเนื่องกัน สามารถนำแม่ลายใดมาฟ้อนก่อนหลังก็ได้ แม่ลายฟ้อนกลุ่มนี้ เช่น บิดบัวบาน เกี้ยวเกล้า ล้วงใต้เท้ายกแหลก มัดแกบก้องลงวาง เสือลากหางเหล้นรอก เป็นต้น
2. แม่ลายฟ้อน ที่บันทึกไว้เป็นท่าต่อเนื่องกันไป เช่น สางฟ้อน หยุด ลางซ้าย เป็นต้นเมื่อเรียนการฟ้อนเจิงมือเปล่าได้คล่องแคล่วแล้ว พ่อครูที่สอนก็อาจจะสอนเจิงอื่นๆต่อไป ยกตัวอย่างเช่น
- ใช้ไม้ค้อน หรือไม้พลองประกอบการรำ เรียกว่า ฟ้อนเจิงไม้ค้อน
- ใช้หอก ประกอบการร่ายรำ เรียกว่า ฟ้อนเจิงหอก
- ใช้ดาบ ประกอบการร่ายรำ เรียกว่า ฟ้อนเจิงดาบ
- ใช้ลา คือ ดาบวงพระจันทร์ประกอบการร่ายรำ เรียกว่า ฟ้อนเจิงลา ร่ายรำด้วยมือเปล่าเรียกว่า ฟ้อนเจิงมือ
ต่อมา คำว่าเจิง ในการฟ้อนประกอบอาวุธต่างๆ ได้กร่อนหายไป และเรียกการฟ้อนเจิงประกอบอาวุธต่างๆ ตามชื่อของอาวุธ เช่น ฟ้อนไม้ค้อน ฟ้อนหอก ฟ้อนดาบ ฟ้อนลาและเรียก “การร่ายรำในลีลาการต่อสู้ด้วยมือเปล่านี้ว่า ฟ้อนเจิง” การฟ้อนเจิงประกอบอาวุธบางประเภทนั้น ในระยะหลังไม่ค่อยได้รับความนิยมเช่น ฟ้อนเจิงไม้ค้อน และฟ้อนเจิงหอก แต่อาจพบอยู่บ้างในการพิธีฟ้อนผี ส่วนการฟ้อนเจิงลานั้นไม่ปรากฏว่ามีการฟ้อนให้เห็น ส่วนการฟ้อนเจิงดาบนั้นได้รับความนิยมมากทั้งในการแสดงประกอบการตีกลองอย่างในขบวนแห่ครัวทานเข้าวัด และเป็นที่นิยมมากในการแสดงเชิงศิลปวัฒนธรรมบนเวที สำหรับการฟ้อนเจิงมือ หรือฟ้อนเจิงนั้น จะมีลูกเล่นได้มากกว่าการฟ้อนประกอบอาวุธเพราะคล่องตัวมากกว่าที่จะต้องแสดงการรำอาวุธควบคู่กับการฟ้อน
อ้างอิงจาก : กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ศึกษาเพิ่มเติม : ประวัติมวยไทย