สู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มร. เบ็น ลูอิส ผู้จัดการทั่วไป ไนกี้ กอล์ฟ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิค ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จากไนกี้ กอล์ฟ ที่จะออกวางสู่ตลาดในปี 2558 นี้ โดยงานแรกจัดแบบงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเปิดตัว ชุดเสื้อผ้ากอล์ฟ Spring/Summer 2015 Collection เมื่อช่วงเย็นของวันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน ที่โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค และต่อด้วยการเปิดตัวไดร์ฟเวอร์ทรงประสิทธิภาพตัวใหม่ Nike Vapor ที่สนามอัลไพน์ กอล์ฟ คลับ ในวันถัดมา
ชุดเสื้อผ้ากอล์ฟ Spring/Summer 2015 Collection จากไนกี้ กอล์ฟ เน้นการสวมใส่ที่สบาย ถ่ายเทอากาศได้ดี และผู้สวมใส่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างสะดวก เหมาะที่จะเป็นชุดที่สวมใส่ได้ในทุกสภาวะ เสื้อผ้าจากไนกี้ กอล์ฟ คอลเลคชั่นใหม่นี้จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจในการเล่นและช่วยสอดรับกับทุกสภาวะการเคลื่อนไหวของนักกอล์ฟ เพื่อช่วยให้นักกอล์ฟสามารถแสดงศักยภาพสูงสุดในการเล่น โดยหัวใจหลักของการออกแบบ Spring/Summer 2015 Collection นี้คือ ‘Supernatural Performance’ ที่จะให้ความรู้สึกสบาย ความหนักแน่น และความมั่นใจแก่ผู้สวมใส่
นักกอล์ฟยังรู้สึกเย็นสบายแม้เล่นกลางแดดร้อน ด้วยเนื้อผ้า Nike Sphere ของเสื้อโปโล แบบ Major Moment Commander ที่เป็นปัจจัยหลักแม้จะเล่นในสภาพอากาศร้อนและชื้น มีปกเสื้อที่ทอแบบ Rib Knit และเป็นลอนแบบ Crisp Style เพื่อเพิ่มความสบาย ชุดเสื้อผ้ากอล์ฟ Spring/Summer 2015 Collection จากไนกี้ กอล์ฟ นี้ได้ออกแบบมาเพื่อให้สวมใส่แบบเข้ารูป รู้สึกสบาย และสามารถเล่นได้อย่างใจ
ส่วนนักกอล์ฟหญิงจะรู้สึกเย็นสบายด้วยเนื้อผ้า Dri-Fit ของเสื้อแบบ Nike Golf Tour Mesh Top ที่จะช่วยให้รู้สึกแห้ง เย็น และสบาย มีเนื้อผ้าด้านบ่าหลังแบบ Mini-Mesh เพื่อให้สามารถระบายอากาศได้ดี การออกแบบแขนเสื้อแบบ Raglan เพื่อช่วยการเคลื่อนไหวร่างกายขณะเล่น และแบบที่ไม่มีปกเสื้อ (No-Collar) เพื่อให้สามารถสวมใส่ได้ทั้งในและนอกสนาม
นอกจากนี้ ไนกี้ กอล์ฟ ยังได้จัดการแข่งขันกอล์ฟและงานเปิดตัวไดร์ฟเวอร์ตัวใหม่ล่าสุด Nike Vapor ในวันต่อมา โดยมีผู้เข้าร่วมงานที่เป็นลูกค้า คู่ค้าธุรกิจ และสื่อมวลชนกอล์ฟในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 150 ท่าน และได้ร่วมชมการสาธิตและทดลอง สัมผัสการใช้จริง ไดร์ฟเวอร์ตัวใหม่ล่าสุด Nike Vapor ก่อนออกรอบร่วมกันในช่วงบ่าย โดยไนกี้ กอล์ฟ ได้นำไดร์ฟเวอร์ทั้ง 3 รุ่น ซึ่งเป็นไดร์ฟเวอร์ที่ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ให้สามารถปรับใช้ให้เหมาะกับนักกอล์ฟทุกท่าน ได้แก่รุ่น Vapor Flex, Vapor Pro และ Vapor Speed มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสและทดลองใช้ และจะมีกำหนดวางจำหน่ายในภูมิภาคนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และนอกจากนี้ยังได้นำชุดเหล็ก Nike Vapor ซึ่งได้เปิดตัวและวางจำหน่ายไปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมามาให้ทดลองใช้จริงกันอีกด้วย
ไดร์ฟเวอร์ Nike Vapor Flex ประกอบไปด้วยแท่ง RZN ที่มีน้ำหนักมวลหนาแน่นอยู่ที่ปลายแท่งด้านหนึ่ง เรียกว่า flightpod และถูกวางไว้ในช่องด้านหลังหรือ cavity ของหัวไดร์ฟเวอร์ นักกอล์ฟสามารถย้ายจุดศูนย์ถ่วงของหัวไดร์ฟเวอร์ในรุ่น Vapor Flex นี้ไปมาได้โดยการปรับตำแหน่งของ flightpod นี้ เพื่อให้ได้จุดศูนย์ถ่วงของหัวไดร์ฟเวอร์ที่เหมาะสมกับวิถีและองศาการตีลูกของแต่ละคน และด้วยเทคโนโลยีหลักสำคัญของไนกี้ คือ FlyBeam ที่ทำงานเสริมกับ cavity back ของหัวไดร์ฟเวอร์แบบ Compression Channel ที่นำมาออกแบบใหม่นี้ จะช่วยให้เกิดสภาวะเหมือนกับสปริงทั่วทั้งหน้า
ไดร์ฟเวอร์เพื่อทำการส่งพลังให้กับลูกกอล์ฟได้เต็มที่ รวมทั้งเทคโนโลยี FlexLoft 2 ที่ให้นักกอล์ฟสามารถปรับหน้าไม้ได้ถึง 15 รูปแบบ โดยสามารถปรับความชันหรือ loft ของหน้าไดร์ฟเวอร์ได้ถึง 5 ระดับ และปรับมุมเอียงของหน้าไดร์ฟเวอร์ได้อีก 3 ระดับ
เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้การส่งพลังไปยังลูกกอล์ฟสามารถทำได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดระยะทางที่มากกว่า ไม่ว่าวงสวิงจะเป็นเช่นไรก็ตาม
ไดร์ฟเวอร์รุ่น Vapor Speed ออกแบบมาเพื่อให้เกิดองศาการออกตัวที่สูงขึ้นและเกิดสปินต่ำ ให้ระยะทางได้อย่างแท้จริง โดยไดร์ฟเวอร์รุ่น Vapor Speed นี้มี chassis ที่ใหญ่และมั่นคงที่สุดในทั้ง 3 รุ่นนี้ และออกแบบให้เป็นสีดำอยู่ด้านบนของหัวไดร์ฟเวอร์ และสีเขียว volt สะดุดตาที่ cavity back และ Compression Channel
ไดร์ฟเวอร์รุ่น Vapor Pro ออกแบบเพื่อให้เกิด Tour-launch ด้วยสปินต่ำ และเพิ่มความเร็วทั่วทั้งหน้าไดร์ฟเวอร์ เกิดการพุ่งทะลวงของลูกกอล์ฟ เพื่อได้ระยะทางอย่างแท้จริง ออกแบบให้เป็นสีดำอยู่ด้านบนของหัวไดร์ฟเวอร์ และสีเขียว volt สะดุดตาที่ cavity back และ Compression Channel
ไดร์ฟเวอร์รุ่น Vapor Pro นี้ผสานเทคโนโลยีสำคัญไว้ 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ Nike FlyBeam ใหม่ ผนวกเสริมกับการออกแบบ Cavity Back, Compression Channel ที่นำมาออกแบบใหม่ และ FlexLoft 2 ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมให้นักกอล์ฟสามารถแสดงศักยภาพสูงสุดของตนออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นระยะทาง ความเร็ว และสภาวะการออกตัว
ไดร์ฟเวอร์ Vapor ทั้ง 3 รุ่น มีกำหนดออกวางจำหน่ายในภูมิภาคนี้ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีหน้า